On-page SEO คือ การปรับแต่งโคงสร้างที่อยู่บนเว็บไซต์ของเราตั้งแต่ชื่อบทความจนถึงคอนเทนต์ข้างใน รูปภาพ ลิงก์ ไปจนหน้าตาของเว็บไซต์ที่จะทำให้คนค้นหาเราเจอผ่าน Google
หัวข้อ Title ช่วยเพิ่มยอดคลิกให้กับเว๋บไซต์
เมื่อมีคนเข้ามาค้นหาคำที่ตรงหรือใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดแล้วเจอคำนั้นบนหัวข้อหรือชื่อเว็บไซต์จะทำให้เขาเชื่อว่าเว็บไซต์นี้น่าจะมีสิ่งที่เขาต้องการอยู่ สมมติเขียนบทความ How to สักอย่าง ถ้าคุณเป็นคนค้นหาจะใช้คำแบบไหน? อาจจะเป็นตัวอย่างคำที่น่าเบื่อไปสักหน่อย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อมีสิ่งที่สงสัยหลาย ๆ ครั้งคำถามของเราก็ไม่ได้หลุดไปจากคำพวกนี้เลย
Headline ได้ใจความใน 70 ตัวอักษร
Headline คือ หัวเรื่อง เป็นสิ่งที่จะบอกชัดว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ได้เล่าไส้ในทั้งหมด เพราะ ถ้าเราเล่าไปหมดแล้วเขาจะรู้สึกว่า รู้แล้ว พอแล้ว และตัดจบ ไม่คลิกเข้าไปอ่านข้างใน ตรงกันข้ามถ้าพูดให้เขาสงสัยหรือตรงกับคำถามในใจของเขา จะทำให้เขาอยากเข้าไปดูมากขึ้น
Meta description
คำอธิบายที่เป็นส่วนสีดำของเว็บไซต์หรือบทความนั้น คำไหนที่เป็นคีย์เวิร์ดจะถูกทำให้เป็นตัวหนาเด่นชัดจากข้อความบริบท ในหัวข้ออาจจะไม่ได้มีคำนี้ (อย่างในผลการค้นหาอันดับที่สอง) แต่เมื่อเราค้นด้วยคีย์เวิร์ดที่มีอยู่ในเว็บไซต์ ตัวเว็บไซต์ก็จะถูกค้นเจอด้วยเช่นกัน
Meta description ไม่ควรยาวกว่า 160-300 ตัวอักษร
อย่างที่เราเห็นตัวอย่าง Meta description ไปในข้อ 1 ว่าจะเป็นส่วนที่เป็นสีดำความ 2-4 บรรทัดเท่านั้น ถ้าเราใส่ Meta description ที่ยาวเกินไป คำบางส่วนจะถูกตัดลง ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในใจความที่สำคัญก็ได้ จะดีกว่าไหมถ้าเราเลือกใจความสำคัญที่สื่อสารได้โดยที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่ตรงนั้น
ถ้าหากว่าเราไม่ใส่ Meta description ลงไป Google จะสุ่มเลือกเนื้อหาขึ้นมาให้เอง หรือในกรณีที่แย่ที่สุดคือ ผลการค้นหาอาจจะขึ้นแต่หัวข้อ แต่ไม่มีคำอธิบายด้านล่าง
เนื้อหา : ใส่คีย์เวิร์ดในตัวเนื้อหา แต่อย่ามากกว่า 5 จุด
การใส่คีย์เวิร์ดเข้าไปเหมือนเป็นการเน้นย้ำในตัวบทความเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ทำให้ Google เจอบทความของเราได้ง่ายมากขึ้น แต่อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี เพราะมันจะถูกลดความสำคัญลง นอกจากนี้แล้วยังทำให้การอ่านบทความหรือการอยู่บนเว็บไซต์ของเราน่าเบื่อด้วย
Off-page SEO คือ การใช้ปัจจัยภายนอกเข้ามาทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น เป็นแหล่งอ้างอิงที่มีประโยชน์ให้กับเว็บไซต์อื่นแล้วมีการใส่ลิงก์ให้เครดิตกลับมาที่เว็บไซต์เรา หรือที่เรียกว่า การติด Backlink นั่นเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.netdesignrank.co.th/